การหารายได้มาก็ต้องใช้แรงงาน กำลังกาย กำลังความคิดเราในได้มาซึ่งรายได้ แต่น่าเสียดายที่พวกเรานำไปใช้กับสิ่งของที่ไม่มีความจำเป็น

ประการแรกที่ลุงหมีนึกถึง ก็พวกเรื่องการซื้อของอำนวยความสะดวกเข้าบ้าน การลงทุนปรับปรุงบ้าน เงินพวกนี้เป็นเงินก้อนใหญ่ ซึ่งต้องถามตัวเองให้ดีว่าการนำไปลงทุนนั้นคุ้มค่าหรือไม่ ได้ใช้ประโยชน์จากมันเต็มที่หรือไม่ ไม่เช่นนั้นแล้วลองพิจารณาหาวิธีการใช้เงินเพื่อสร้างรายได้ดีกว่าไหม? แล้วพวกเราเชื่อไหมว่า ความมีนั้นไม่ได้อยู่ที่ความรู้เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่วินัยในการหา วินัยในการใช้จ่ายด้วย ที่คนส่วนใหญ่ล้มเหลว ทางการเงิน ถามพวกเค้ารู้ไหมว่าต้องอดออม เก็บเงิน ลงทุน ทั้งหมดรู้หมดแหละ แต่ความยาก มันอยู่ที่การลงมีอทำอย่างมี วินัย ครับ

 

และด้านล่างเป็นบทความที่เว็บไซด์บอกว่าเป็นสิ่งที่ต้องระวัง เพราะมันอาจเล็กน้อย แล้วง่ายต่อการละเลยครับ 

 

1. เสื้อผ้า, เครื่องประดับ

หน้าตึกสำนักงานบางแห่ง จะเต็มไปด้วยร้านเสื้อผ้า, เครื่องประดับ ที่รายล้อมอยู่รอบตึก ในขณะที่พนักงานกำลังจะเดินทางเพื่อไปกินข้าวเที่ยง ก็ต้องแวะตามร้านค้าต่าง ๆ กว่าจะไปถึงร้านอาหาร ก็สูญเงินไปแล้วไม่ตํ่ากว่า 200 บาท

นี่คือความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นอันดับต้น ๆ ของผู้ที่เริ่มออมเงิน เพียงเพราะเจอสิ่งล่อตาล่อใจ ก็พ่ายแพ้ จึงทำให้ในแต่ละเดือน ต้องสูญเสียเงินกับสิ่งเหล่านี้ไปไม่น้อย โดยที่เสื้อผ้าบางตัว ใส่ครั้งเดียวก็เบื่อแล้ว ไม่คุ้มค่าเงินที่จ่ายไป

ทางออกสำหรับนักช้อปทั้งหลาย ควรจำกัดวงเงินในแต่ละเดือนเลยว่า จะซื้อเสื้อผ้าได้เท่าไหร่ หรือถ้าใจเด็ดจริง ๆ ให้นำเงินสดลงไปกินข้าวเท่าที่พอกิน เพื่อยับยั้งชั่งใจไม่ให้ซื้อ เมื่อต้องผ่านร้านขายเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับ

2. กาแฟยี่ห้อดัง

รายได้น้อยแต่รสนิยมสูง นี้เป็นคำที่ขอพูดแบบตรง ๆ เพราะเห็นหลายคนที่มีรายได้น้อย แต่นิยมกินกาแฟยี่ห้อดัง ที่มีราคาแก้วละ 100 บาทขึ้นไป และไม่ได้กินแค่วันเดียว แต่กินเกือบทุกวัน

ทางออกสำหรับคอกาแฟ ลองเปลี่ยนมาบริโภคกาแฟที่มีราคาถูกลงหน่อย เพราะหากพูดกันจริง ๆ กาแฟที่ราคาถูกหลาย ๆ เจ้า ก็มีกลิ่นหอมและรสชาติดีไม่แพ้ร้านดังเลย ทั้งยังทำให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากทีเดียว

3. หนี้ที่เกิดจากการผ่อนสินค้า

เมื่อเงินเดือนออก อยู่กับคุณได้ไม่ถึงวัน คุณก็ต้องนำไปชำระค่าผ่อนสินค้าต่าง ๆ ที่คุณซื้อมา ซึ่งสิ่งที่คุณผ่อนอยู่นั้น ส่วนใหญ่อาจไม่ใช่ของจำเป็น แต่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด ทีวีจอใหญ่ยักษ์ รถยนต์คันหรู หรือแม้แต่คอนโดใจกลางเมือง

ถึงแม้ว่าการผ่อนสินค้า จะเป็นหลักการเงินที่ถูกต้อง เพื่อนำเงินก้อนไปหมุนก่อน แต่หากคุณไม่รู้จักประมาณตน เลือกผ่อนสินค้าที่เกินตัวไปหน่อย หรือไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ใช้ยังไม่ทันคุ้มก็เปลี่ยนรุ่นอยู่เสมอ แบบนี้อาจจะต้องลำบากภายหลัง

การผ่อนไม่ใช่เรื่องเลวร้าย หากคุณมีรายได้เพียงพอ แต่หากคุณยังไม่มั่นคงทางการเงินและไม่มีเงินเหลือเก็บ ก็ไม่ควรนิยมการผ่อน เพราะหากวันหนึ่งคุณมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน คุณจะนำเงินที่ไหนมาใช้จ่าย สุดท้ายอาจต้องขายทุกสิ่งทิ้งหมด

4. ดื่มฉลองทุกสัปดาห์

การทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อยแต่ละสัปดาห์ ก็อาจจะต้องผ่อนคลายกันบ้าง แต่การผ่อนคลายไม่จำเป็นต้องฉลอง ด้วยการกินดื่มอย่างสุดเหวี่ยง “ศุกร์เมา เสาร์นอน อาทิตย์ถอน จันทร์ลา อังคารไม่มา พุธสาย พฤหัสไม่สบาย” นี่เป็นวิธีคิดที่ผิดอย่างมาก

เพราะการปาร์ตี้ เป็นการสิ้นเปลืองเงินอย่างไม่คุ้มค่า ยังมีวิธีการผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า อีกมากมายหลายอย่าง เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ดูทีวีอยู่บ้าน อ่านหนังสือ หรือถ้าเป็นคนขี้เหงา ลองชวนเพื่อนมาเล่นที่บ้าน พบปะพูดคุย ทำอาหารกินกันเอง จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะมาก

5. หวย

ทุกวันที่ 16 และวันที่ 1 ของแต่ละเดือน ต้องเสี่ยงโชคกันหน่อย เผื่อจะฟลุ๊คถูกรางวัลที่ 1 บ้าง หรืออย่างน้อยเลขท้าย 2 ตัวก็ยังดี หลายคนอาจจะคิดแบบนี้ แต่เชื่อมั้ยว่าการซื้อหวยนี่แหละ คือสาเหตุหลักที่ทำให้เราสูญเงินโดยเปล่าประโยชน์

เสื้อผ้ายังได้ใส่ กาแฟยังได้กิน สิ่งของยังได้ใช้ ฉลองยังได้สนุก ถึงจะไม่คุ้มค่า แต่ว่ากระดาษ 1 ใบนี่ไม่ได้อะไรเลย คุณลองไปถามคนที่ประสบความสำเร็จ หรือเจ้าของกิจการดูว่า พวกเค้ารวยจากหวยหรือไม่ ทุกคนจะตอบกลับมาเลยว่า “พวกเขาไม่เล่นการพนัน”

แต่ต้องตั้งใจทำงานเก็บเงิน ไม่ใช้เงินไปกับการเสี่ยงโชค โอกาสที่จะถูกหวยระดับที่พลิกชีวิตได้ มันมีแค่ 1 ในล้าน หรือ 0.0001% ซึ่งมันไม่คุ้มค่าเลย เพราะสิ่งที่เราเดิมพันไม่ใช่แค่ “เงิน” แต่มันคือ “หยาดเหงื่อ แรงกาย และเวลา” ที่เราทำงานเพื่อแลกมันมา

ที่มา : timepost2000

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *