ทุกวินาทีของช่วงเริ่มต้นกิจการ ผู้ประกอบการต้องดำเนินธุรกิจท่ามกลางทรัพยากรที่จำกัด และภายใต้แรงกดดันต่างๆ ที่ถูกบีบด้วยเวลา ทุกการตัดสินใจของคุณจะเป็นตัวกำหนดเส้นทางของธุรกิจว่าจะประสบความสำเร็จหรือว่าล้มเหลว
สภาพแวดล้อมที่ตรึงเครียดยิ่งขึ้น ลูกน้องของคุณเองก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อาจมีพนักงานบางคนไม่สามารถอดทนต่อความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยได้ หรือบางคนอาจจะลาออก ซึ่งแน่นอนว่ามันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อแผนการธุรกิจในอนาคตที่คุณตั้งใจเอาไว้
สิ่งสุดท้ายที่คุณต้องเข้าใจคืออุปนิสัยที่ไร้เดียงสาของคุณเอง เริ่มรบกวนสภาพแวดล้อมในการทำงานของคุณหรือไม่ เราทุกคนล้วนมีนิสัยทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่แย่ แต่ในฐานะของผู้นำในธุรกิจ การกระทำของคุณจะเป็นตัวกำหนดสภาพขององค์กรและนิสัยเหล่านั้นจะมีน้ำหนักมากขึ้นเมื่อปรากฎออกมาเป็นพฤติกรรม ดังนั้น คุณควรจะเริ่มสำรวจพฤติกรรมการทำงานของคุณเองว่าคุณเป็นผู้นำแบบที่มี พฤติกรรมที่ก่อให้เกิดการบั่นทอนประสิทธิภาพในการทำงานและสร้างความแตกแยกของทีมหรือเปล่า
- การจัดการงานอย่างละเอียดทุกขั้นตอน
รูปแบบการบริหารที่เรียกว่า Micromanagement หรือ “การบริหารแบบจุลภาค” ที่หมายถึงการที่ผู้นำเข้าไปควบคุม บังคับบัญชาลูกน้องมากจนเกินไปจนถึงระดับทุกรายละเอียดของงาน ทุกขั้นตอน ทุกเม็ด ซึ่งแน่นอนว่า การเข้าไปควบคุมงานทุกรายละเอียดจะทำให้คุณและพนักงานของคุณต้องเสียเวลาเป็นอย่างมาก และหลายครั้งการเป็นผู้บริหารแบบนี้ก็สร้างความอึดอัดให้แก่ลูกน้อง บางทีคุณควรจะปล่อยให้ลูกน้องของคุณได้มีอำนาจการตัดสินใจในการดำเนินงานนั้นๆ บ้าง เพื่อพัฒนาความสามารถของตัวพวกเขาขึ้นมาบ้าง คุณไม่จำเป็นต้องเข้าไปจัดการงานทุกอย่างเพื่อจะเป็นผู้จัดการที่ดี แต่คุณควรจะมุ่งเน้นไปที่ส่วนงานคิดและการวางแผน กำหนดเป้าหมายในภาพรวมขององค์กรที่คุณต้องการให้พนักงานของคุณบรรลุเป้าหมายให้ได้ และปล่อยให้พวกเขากังวลกับวิธีการอย่างไรที่จะทำให้งานสำเร็จ ถ้าคุณไม่เชื่อมั่นในตัวลูกน้องของคุณว่าจะทำมันได้สำเร็จ นั่นก็แปลว่าคุณอาจจะมอบหมายงานให้ผิดคน เคยได้ยินประโยคที่กล่าวว่า “Put the Right Man to the Right Job” หรือเปล่า เชื่อไหมล่ะว่ามันยังใช้ได้ดีไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนก็ตาม
- ละเลยความเป็นปัจเจกบุคคล
มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะสร้างวัฒนธรรมองค์กรในการทำงานให้ปรากฎกับคนที่คุณจะร่วมทำงานด้วย แต่คุณต้องไม่ลืมว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะทำงานในลักษณะเดียวกันหรือทางเดียวกันเสมอ ผู้จัดการฝ่ายบัญชีของคุณอาจจะได้ประโยชน์จากการเข้าพบปะกับหลายๆทีมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและสร้างความสนิทสนม แต่พนักงานผู้พัฒนาเว็บไซต์อาจจะมองว่าเป็นเหตุให้เสียเวลาอย่างมาก หรือผู้จัดการฝ่ายการเงินอาจจะเป็นคนที่มีนิสัยปกติทั่วไปคือ เข้า-ออกงานตามเวลา นอนแต่หัวค่ำและตื่นเช้า ในขณะที่ฝ่ายออกแบบกลับทำงานได้ดีขึ้นในช่วงบ่ายๆ เพราะกลางดึกพวกเขาอาจจะมัวคิดไอเดีย สร้างสรรค์งานต่างๆอยู่ก็ได้ มันเป็นความรับผิดชอบของคุณที่จะต้องรู้จักจุดแข็งและจุดอ่อนของลูกน้องแต่ละคนและตอบสนองความต้องการเหล่านั้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่คุณจะสามารถทำได้
- ไม่อธิบายความคาดหวังของคุณให้ชัดเจน
ผู้ประกอบการบางคนมีนิสัยที่ไม่ดีอยู่อย่างหนึ่ง คือ ชอบคิดว่าลูกน้องสามารถอ่านใจตัวเองได้ พวกเขาจะขอให้ลูกน้องส่งมอบงานบางอย่าง อาจจะเป็นผลการวิจัยความต้องการของลูกค้าที่คาดหวัง แต่เมื่อลูกน้องของเขาทำมันเสร็จมันกลับไม่เหมือนกับสิ่งที่พวกเขาคิดหรือจินตนาการไว้ในหัว
สาเหตุส่วนมากของสถานการณ์ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เกิดได้โดยตรงจากการที่ผู้จัดการไม่พยายามอธิบายความคาดหวังของสิ่งที่ตัวเองต้องการให้ชัดเจนตั้งแต่ตอนแรก ถ้าคุณมีความคาดหวังหรือไอเดียในหัว คุณจำเป็นต้องทำให้มันชัดเจน เพราะถ้าคุณทำมันไม่ชัดเจนแต่แรกก็ไม่จำเป็นต้องแปลกใจเมื่อลูกน้องของคุณส่งผลงานที่แตกต่างจากที่คาดคิดไว้และต้องเริ่มงานใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง
4. ลังเลไม่กล้าตัดสินใจ
ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการ คุณต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันที่จะต้องตัดสินใจให้ถูกต้อง เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตไปข้างหน้า แต่สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าการตัดสินใจผิดพลาด นั่นคือการไม่กล้าตัดสินใจหรือไม่ตัดสินใจอะไรเลย
ถ้าคุณมีริสรายการที่ต้องทำและคุณชอบเลื่อนมันออกไปประจำเนื่องจากคุณไม่มั่นใจว่าตอนนี้ อะไรคือสิ่งที่คุณต้องทำกับรายการพวกนั้น คุณอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับความลังเลไม่กล้าตัดสินใจอยู่ ซึ่งการไร้ความสามารถเรื่องของการกล้าตัดสินใจจะนำไปสู่การหยุดชะงักของธุรกิจของคุณ ลูกน้องของคุณก็จะไม่รู้ว่างานอะไรที่ต้องเริ่มทำและอะไรต้องรอไปก่อน และพวกเขาจะไม่มีความเชื่อมั่นและความมั่นใจในทิศทางของธุรกิจอีกต่อไป ดังนั้น จงมุ่งมั่นกล้าที่จะตัดสินใจแม้ว่าคุณอาจจะไม่ได้มั่นใจในผลลัพธ์ 100 เปอร์เซ็นต์ การตัดสินใจอาจจะมีผิดพลาดบ้างก็ยังดีกว่าการที่ไม่ตัดสินใจอะไรเลย
- ไม่ยอมมอบหมายงานให้กับคนอื่น
ผู้ประกอบการบางคนมองว่าเป็นพฤติกรรมที่มีคุณค่า เมื่อพวกเขาทุ่มเททำงานทุกอย่างมากเท่าที่พวกเขาจะทำได้ด้วยตัวเองทั้งหมด และมอบหมายงานเพียงเล็กน้อยให้กับทีมงาน เมื่อดูผิวเผินแล้วดูเหมือนว่าต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกน้องทำงานมากเกินไป ทั้งที่ในความเป็นจริงคุณสามารถสร้างผลลัพธ์ของงานออกมาได้ในลักษณะของทีม ลูกน้องของคุณที่อยู่ในองค์กรนั้น เขาอยู่เพื่อรับมือกับความรับผิดชอบเหล่านั้นอยู่แล้ว ปล่อยให้ตัวคุณเองออกมาจากตรงนั้นและเอาชนะสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าดีกว่า
มันจำเป็นที่ต้องเฝ้าระวังในพฤติกรรมของคุณเองโดยเฉพาะเมื่อคุณอยู่ในฐานะผู้นำองค์กร พยายามหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมลงทีละน้อยถึงแม้จะไม่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดในทันที เฝ้าสังเกตระมัดระวังอย่างมากถึงพฤติกรรมของคุณว่ามีผลอย่างไรต่อลูกน้องหรือทีมงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเริ่มต้นของการสร้างความสนิทสนมระหว่างกันคุณจำเป็นต้องทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา หากคุณเคยสงสัยว่าการกระทำของคุณมีผลต่อทีมงานหรือลูกน้องอย่างไร วิธีง่ายที่สุดคือคุยกันต่อหน้าแบบ Face to Face ถ้าคุณสามารถสร้างบรรยากาศของการไว้วางใจซึ่งกันและกันให้เกิดขึ้นในองค์กรได้ พนักงานของคุณจะไม่กลัวที่จะบอกคุณเมื่อหนึ่งในพฤติกรรมของคุณหรือกิจวัตรของคุณส่งผลต่อการทำงานของพวกเขา
Credit : Larry Alton. 5 Bad Leadership Habits That Undercut Your Team’s Productivity, 2015
…………………………………………………….