วันนี้กล้วยจะพาพี่ๆเพื่อนๆน้องๆชาวปาโก้

 

ไปอัพเดท  Mindset ให้พร้อมเติบโต กับปี 63 กันค่ะ

 

1. เรียนรู้ทุกอย่างจากประสบการณ์จริง

     สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจใหม่ก็คือ การเติบโต นั้นไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญหรือสูตรสำเร็จใดๆ แต่มันเกิดจากการทดลองของหลากหลายสมมติฐาน ที่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ของมันจะบอกคุณได้ว่าอะไรเวิร์คหรือไม่เวิร์ค

 

2. ให้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน  

ข้อดีของการทำธุรกิจที่เป็น Digital Business นั้นก็คือ คุณสามารถวัดผลและเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ได้จากข้อมูล โดยอย่างที่บอกไปในหัวข้อที่แล้วว่ามันเป็นสิ่งที่บอกได้ว่าอะไรเวิร์คหรือไม่เวิร์ค

 

3. ทดลองสิ่งใหม่

“การเติบโตเกิดขึ้นจากไอเดียที่สร้างสรรค์และการทดลองสิ่งใหม่ๆ”

อย่าตีกรอบตัวเองไว้อยู่ภายใต้สิ่งที่คู่แข่งของคุณทำ เพราะความจริงแล้วไอเดียของคุณเองอาจจะสร้างความสำเร็จให้กับคุณได้มากกว่าหลายเท่าเลย

 

4. อย่าหยุดแค่ผลลัพธ์ที่ดีเพียงครั้งเดียว

     การเติบโตนั้นไม่มีวันหยุด ต่อให้คุณจะสามารถพัฒนา Conversion rate ไปได้ถึง 95 % แล้ว แต่นั่นไม่ได้แปลว่าคุณควรหยุดแค่ตรงนั้น เพราะจริงๆ แล้วตัวเลขนี้มันก็อาจจะเป็นสัญญาญที่บอกว่าคุณกำลังจะเติบโตขึ้นไปอีกเรื่อยๆ แต่ถ้าคุณหยุดแล้วก็จะถือว่าพลาดโอกาสนั้นไปนั่นเอง

 

5. กระบวนการมาก่อนเสมอ

    อย่างที่เห็นว่าการทดลองนั้นเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการเติบโต แต่มันยังเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการ ที่เรียกว่า Growth Process เท่านั้น

1. Analyze (วิเคราะห์ข้อมูล) : การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นขั้นตอนการทำความเข้าใจลูกค้าผ่านการสังเกตุข้อมูลการตอบสนองที่ลูกค้ามีต่อผลิตภัณฑ์ ขั้นตอนนี้จะทำให้คุณได้ไอเดียดีๆ ที่มีโอกาสเติบโตสูงกว่าไอเดียที่เกิดจากการคาดเดา หรือคิดเอง  

2. Ideate (ระดมไอเดีย) : ไอเดียที่ดีจะเป็นจุดเริ่มต้นของผลลัพธ์การเติบโตแบบก้าวกระโดด ถ้าคุณและทีมขาดการเสนอไอเดีย โอกาสที่จะเติบโตก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ ตามจำนวนไอเดียที่ถูกทดลอง

3. Prioritize (จัดลำดับความสำคัญของไอเดีย) : ในการกำหนดหรือระบุว่าไอเดียไหนดีที่สุดใน Growth Meeting สิ่งสำคัญคือเสียงและความคิดเห็นจากแต่ละตัวบุคคลในที่ประชุม ในที่นี้เราจะใช้การให้

คะแนนกับแต่ละไอเดีย  

4. Test (ทดลอง) : ในขั้นตอนสุดท้ายคือการเริ่มทำไอเดียที่ทุกคนเห็นร่วมกันว่าต้องทำ มาทำให้มันเกิดขึ้นจริง ซึ่งก็คือการนำทุกไอเดียที่ผ่านขั้นตอนการ Prioritize มาทดสอบเพื่อดูผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น

นอกจากกระบวนการ 4 ขั้นตอน  Analyze – Ideate – Prioritize -Test แล้ว อย่างที่ได้เกริ่นไปตอนต้นว่าอีกหนึ่งอย่างที่มีความสำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ คน หรือ ณ ที่นี้นั้นหมายถึงบุคคลากรทั้งทีมนั่นเอง

 

6. การเติบโตที่แท้จริงคือการเติบโตแบบยั่งยืน

     หลายคนอาจจะเข้าใจผิดและตื่นเต้นกับสิ่งที่ไม่ใช่การเติบโตที่แท้จริง

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีแอพพลิเคชั่น แล้วจ้าง Influencer ชื่อดังมาโปรโมท จนทำให้ตัวเลข MAU (Monthly Active Users) ของคุณพุ่งขึ้นในช่วงเดือนนั้น คุณอาจจะคิดว่ามันคือการ Growth Hacking ที่ ทำให้เกิดการเติบโต แต่จริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ใช่เพราะมันอาจแค่ได้ผลดีแค่ระยะสั้นๆ

เพราะการเติบโตที่แท้จริงต้องดูจาก 3 สิ่งนี้ :

มีคุณค่า (Meaningful) – การเติบโตที่แท้จริงจะต้องสร้างคุณค่าให้กับทั้งองค์กรและลูกค้า ทั้งสองฝ่ายต้องได้รับประโยชน์ เช่น ฝั่งลูกค้าต้องพึงพอใจและกลับมาใช้งานเป็นประจำ ส่วนฝั่งองค์กรก็ต้องได้ประโยชน์จากการที่ลูกค้ามาใช้งานเราบ่อยๆ เช่นกัน

ยั่งยืน (Sustainable) – การเติบโตจะต้องเป็นการเติบโตแบบยั่งยืน ไม่ใช่การเติบโตเพียงระยะเวลาสั้นๆ ที่เกิดจากกลยุทธ์ที่เป็น Short term strategy เช่น Paid Campaign ต่างๆ

ทำซ้ำได้ (Repeatable) – การเติบโตต้องเกิดจากปัจจัยที่เป็น Growth Driver ของเราจริงๆ ไม่ใช่แค่เป็นเทรนด์ที่ตัวเลขพุ่งสูงขึ้น เท่านั้น เช่น คุณนำสิ่งที่เป็นเทรนด์มาร่วมกับธุรกิจของคุณ แต่ผลลัพธ์ก็

 

7. เริ่มต้นด้วยสิ่งเล็กๆ ก่อนเสมอ

    ถ้าคุณมีแพลนอยากเริ่มทดสอบเมื่อไหร่ คุณควรเริ่มต้นด้วยหลักการที่เรียกว่า MVT (Minimum Viable Tests) หรือพูดได้ง่ายๆ ว่ามันคือการทดสอบสมมติฐานกับสิ่งเล็กๆ ที่สามารถทำได้ง่าย และรวดเร็ว

 

8. Customer – Centric 

 

     สิ่งหนึ่งที่จะมาควบคู่กับกระบวนการ Growth Process ก็คือการทำความเข้าใจลูกค้าอยู่เสมอ เพราะหากไม่สามารถทำได้ การเติบโตนั้นก็อาจจะเกิดขึ้นได้เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น  ถ้าเราคำนึงถึงตัวเลขที่สูงขึ้นอย่างเดียว โดยไม่ได้มอบคุณค่าให้กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ แน่นอนว่าสุดท้ายพวกเขาก็จะค่อยๆ หายไป

 

9. จริยธรรมต่อลูกค้า

      หลายแบรนด์อาจจะมองข้ามจุดนี้ไป ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างอันตรายเพราะว่ามันเป็นจุดที่สามารถส่งผลถึงแบรนด์ได้อย่างชัดเจน

 

10. ทีมที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

จากความเชี่ยวชาญหลายด้านและความรู้พื้นฐานที่มีติดตัวกันทุกคน จะทำให้สมาชิกในทีมสื่อสารตรงกัน ตั้งแต่จุดเริ่มต้น กระบวนการ และขั้นตอนต่างๆ จากจุดแข็งนี้เองทำให้ Growth Team มีข้อดีที่แตกต่างวิธีการทำงานเป็นกลุ่มแบบอื่นอย่างเห็นได้ชัด

จาก https://thegrowthmaster.com/blog/10-way-to-improve-your-marketing-mindset-2020

 

ผู้จัดทำ

วรวลัญช์  มณฑิราช

One Response

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *