การเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล มีหลักการดังนี้

  1. ต้องเลือกใช้ชนิดที่ป้องกันอันตรายได้ดี
  2. ต้องมีน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษและสบายในการสวมใส่
  3. ต้องมีประสิทธิภาพสูง สามารถป้องกันอันตรายได้ดีที่สุด
  4. มีราคาย่อมเยาหาซื้อได้ง่าย
  5. วิธีการใช้เครื่องป้องกันนั้นจะต้องไม่ยุ่งยากซับซ้อนจนเกินไป เพราะจะทำให้คนที่ใช้สวมใสเกิดความยุ่งยาก
  6. ต้องมีสีสันที่เด่นชัด และเป็นสีที่ดูแล้วสะอาดตา

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ safetyการใช้อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล

  1. ต้องทราบลักษณะและความต้องการในการใช้อย่างแน่นอนเสียก่อน
  2. การเลือกใช้จะต้องระมัดระวัง ต้องให้ถูกต้องกับลักษณะของงานมากที่สุด ไม่ให้ขัดขวางการทำงานของคนงานได้ และจะไม่ลดประสิทธิภาพในการทำงาน
  3. ต้องพยายามให้ผู้ใช้เห็นถึงความสำคัญและความจำเป็น รวมถึงประโยชน์ในการใช้เครื่องป้องกันอันตรายได้
  4. ต้องมีการอบรมให้คำแนะนำถึงวิธีการเก็บ การรักษา และการใช้จากผู้ที่ชำนาญ
  5. จะต้องมีระเบียบและข้อบังคับในการใช้ เพื่อให้การใช้มีผลที่สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์ในการใช้อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลในโรงงาน

  1. เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
  2. เพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิต
  3. เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงงาน
  4. เพื่อช่วยในการประหยัดเวลาที่ใช้ในการผลิตสินค้า
  5. เพื่อให้พนักงานทุกคนมีความรู้สึกว่า กาปฏิบัติงานนั้น ๆ มีความปลอดภัยตลอดเวลา
  6. เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตให้สูงขึ้น

ประเภทของอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล 

อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลที่ใช้ในการปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ แบ่งออกเป็น อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย คือสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่สวมใส่ลงบนอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เพื่อป้องกันอันตรายให้แก่อวัยวะส่วนนั้นๆ โดยเฉพาะ สามารถแบ่งย่อยๆ ออกตามลักษณะที่ใช้ป้องกันได้ ดังนี้

  1.  หมวกกันน็อค (Helmet) หมวกนี้ส่วนใหญ่จะทำจากไฟเบอร์หรือพลาสติกแข็ง หรือวัสดุอื่นที่มีความทึบแสง และไม่ติดไฟ สามารถป้องกันอันตรายจกรังสีอุลตร้าไวโอเลตได้และไม่ทำให้เกิดโรคติดต่อ หมวกชนิดนี้นอกจากจะใช้ป้องกันศีรษะ ก้านคอและใบหูแล้ว ยังสามารถติดกระบังหน้าเพื่อป้องกันวัสดุที่จะกระเด็นใส่หน้า และเมื่อไม่ต้องการใช้ก็เปิดขึ้นไปเหนือศีรษะได้
  2. กระบังหน้าที่ใช้มือถือ (Hand Shield) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ป้องกันใบหน้าชนิดหนึ่ง ที่ผู้ใช้รูสึกรำคาญจากการใช้หมวกกันน็อค อุปกรณ์ชนิดนี้ใช้ในการตรวจสอบงานแนวเชื่อม กระบังหน้าชนิดนี้เรียกว่า หน้ากากเชื่อมผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Hand Shield

การใช้หมวกนิรภัย มีหลักการ 6 ข้อ

– เลือกหมวกให้เหมาะสมกับชนิดของงาน
– ตรวจสอบสภาพหมวกก่อนใช้งานทุกครั้ง
– ปรับหมวกให้กระชับพอดี
-สวมหมวกตรงๆเต็มศีรษะ อย่าให้เอียงไปเอียงมา
– เมื่อใช้งานเสร็จ ควรเก็บรักษาให้ดี
-สวมหมวกตลอดเวลาขณะทำงาน

ชุดทำงานของพนักงานหญิงจะมีความพิเศษมากกว่าชุดทำงานของพนักงานชาย เพราะส่วนมากพนักงานหญิงชอบไว้ผมยาว ดังนั้น ควรให้พนักงานหญิงใส่แหคลุมผมป้องกันไม่ให้ได้รับอันตรายจากการทำงานของเครื่องจักรได้บ้าง

  1. ก๊อกเกิ้ล
  2. แว่นตา
  3. เลนส์

อุปกรณ์ป้องกันดวงตา(Eyes Protection)ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Eyes Protection

ดวงตาเป็นส่วนจำเป็นอย่างยิ่งในอวัยวะบนตัวมนุษย์เรา หากเราไม่รู้จักป้องกันดวงตาของเรา. อันตรายอาจจะเกิดขึ้น. ทำให้กลายเป็นคนตาบอด. ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้แม้กระทั่งลูกหน้าเมียหรือคนที่คุณรัก. ซึ่งเราสามารถป้องกันอันตรายดวงตาของเราได้. เพียงแค่เราเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม(แว่นนิรภัย)กับสภาพการทำงานนั้น อันตรายที่เกิดขึ้นในขณะทำงานมีสาเหตุได้หลายทาง ดังนี้

ข้อควรคำนึงถึงเกี่ยวกับอุปกรณ์ป้องกันตา

  1. ควรเป็นชนิดที่มีกรอบและกระชับเวลาส่วมใส่
  2. สวมใส่สบาย
  3. สามารถทำความสะอาดได้ง่าย
  4. ควรเป็นแบบที่สามารถซ่อมแซมได้ง่าย
  5. ต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะป้องกันตาทั้งหมด
  6. ไม่ติดเชื่อได้ง่าย และไม่ติดไฟง่าย

เป็นวัสดุโค้งครอบใบหน้า เพื่อป้องกันอันตรายต่อใบหน้า และลำคอ จากการกระเด็น กระแทกของวัตถุ หรือสารเคมี

มีความเสี่ยงอย่างหนึ่งในโรงงานอุตสาหกรรม โดยทั่วไปถือว่าเสียงที่มีความดังมากกว่า 90 เดซิเบล จะเป็นอัตรายต่อแก้วหู วิธีที่ลดความดันของเสียงมีเทคนิค คือ

  1. ปลั้กลดเสียง (Ear Plug) เป็นเครื่องป้องกันอันตรายจากเสียงโดยการเสียบเข้าไปในหู อุปกรณ์ที่ใช้ทำปลั้ก

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Ear Plugลดเสียงมีหลายอย่าง เช่น ยาง พลาสติก ขี้ผึ้ง ฝ้าย สำลีเป็นต้น 

สำลีหรือฝ้ายธรรมดาช่วยลดความดังของเสียงได้ 8 เดซิเบล

อะคริลิค (acrylic) จะช่วยลดความดังได้ 18 เดซิเบล

ใยแก้ว ช่วยลดความดังของเสียงได้ 20 เดซิเบล

ยางซิลิโคน (silicon rubber) ช่วยลดความดังได้ 15-30 เดซิเบล

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ครอบหู 

ยางอ่อนและยางแข็ง ช่วยลดความดังของเสียงได้ 18-25 เดซิเบล

 

  1. ครอบหู เป็นเครื่องป้องกันลดอันตรายเสียงจากชนิดที่ใช้ครอบใบหู ใช้ลดเสียงได้ดีกว่าชนิดปลั้กเสียบ แต่ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ ชนิดที่ทามด้วยของเหลวภายในลดเสียงได้ดีกส่าชนิดที่ทำด้วยพลาสติกหรืโฟม สามารถลดเสียงได้ 30-45 เดซิเบล ***ทั้งปลั้กลดเสียงและครอบหู ถ้านำมาใช้ร่วมกัน จะสามารถลดเสียงได้อีก 3-5 เดซิเบล

เป็นอุปกรณ์ช่วยป้องกันอันตราย จากมลพิษเข้าสู่ร่างกายโดยผ่านทางปอด ซึ่งเกิดจากการหายใจเอามลพิษ เช่น อนุภาคก๊าซ และไอระเหยที่ปนเปื้อนอยู่ในอากาศ หรือเกิดจากปริมาณออกซิเจนในอาการไม่เพียงพอ แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ

  1. ประเภทที่ทำให้อากาศปราศจากมลพิษ ก่อนที่จะเข้าสู่ทางเดินหายใจ (Air purifying devices) ได้แก่

นอกจากนี้ ยังมีหน้ากากกรองอนุภาค ชนิดใช้แล้วทิ้ง ส่วนประกอบของหน้ากาก คือ หน้ากาก และวัสดุกรองจะรวมไปชิ้นเดียวกัน ส่วนบนของหน้ากากมีแผ่นโลหะอ่อน ซึ่งสามารถปรับให้โค้งงอได้ ตามแนวสันจมูก เพื่อช่วยให้หน้ากากแนบกับใบหน้าผู้สวมใส่

ส่วนประกอบที่สำคัญของหน้ากากกรองก๊าซ และไอระเหย คือ

  1. ส่วนหน้ากาก และสายรัดศีรษะ เช่นเดียวกับที่กล่าวมาข้างต้นรูปภาพที่เกี่ยวข้อง
  2. ส่วนกรองอากาศ เป็นตลับ หรือกระป๋องบรรจุสารเคมี ซึ่งเป็นตัวจับมลพิษโดยการดูดซับ หรือทำปฏิกิริยากับมลพิษ ทำให้อากาศที่ผ่านตลับกรองสะอาด ปราศจากมลพิษ ส่วนกรองอากาศนี้สามารถใช้ได้เฉพาะสำหรับก๊าซ หรือไอระเหย แต่ละประเภทตามที่ระบุไว้เท่านั้น เช่น ส่วนกรองอากาศที่ใช้กรองก๊าซแอมโมเนีย จะสามารถป้องกันเฉพาะก๊าซแอมโมเนียเท่านั้น ไม่สามารถป้องกันมลพิษชนิดอื่นได้ เป็นต้น ดังนั้น ผู้ที่จะใช้หน้ากากกรองก๊าซ และไอระเหย ควรเลือกซื้อ และหรือเลือกใช้ให้เหมาะสม กับชนิดของมลพิษที่จะป้องกัน ตามที่ American National Standard ได้กำหนดมาตรฐาน (ANSI K 13.1-1973)

 

  1. ประเภทที่ส่งอากาศจากภายนอกเข้าไปในหน้ากาก (Atmosphere – supplying respirator) เป็นอุปกรณ์ป้องกันทางหายใจ ชนิดที่ต้องมีอุปกรณ์ส่งอากาศ หรือออกซิเจนให้กับผู้สวมใส่โดยเฉพาะ แบ่งเป็น

 เป็นอุปกรณ์ที่สวมใส่เพื่อป้องกันอันตราย จากการกระเด็นหกรดของสารเคมี การทำงานในที่มีความร้อนสูง หรือมีสะเก็ดลูกไฟ เป็นต้นผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Body Protection Equipment

  1. ชุดป้องกันสารเคมี ทำจากวัสดุที่ทนต่อสารเคมี เช่น โพลีเมอร์ ใยสังเคราะห์ Polyester และเคลือบด้วย polymer ชุดป้องกันสารเคมีมีหลายแบบ เช่น ผ้ากันเปื้อน ป้องกันเฉพาะลำตัว และขา เสื้อคลุมป้องกันลำตัว แขน และขา เป็นต้น
  2. ชุดป้องกันความร้อน ทำจากวัสดุที่สามารถทนความร้อน โดยใช้งานที่มีอุณหภูมิสูง ถึง 2000ºF เช่น ผ้าที่ทอจากเส้นใยแข็ง (glass fiber fabric) เคลือบผิวด้านนอกด้วยอลูมิเนียม เพื่อสะท้อนรังสีความร้อน หรือทำจากหนัง เพื่อใช้ป้องกันความร้อน และการกระเด็นของโลหะที่ร้อน
  3. ชุดป้องกันการติดไฟ จากประกายไฟ เปลวไฟ ลูกไฟ วัสดุจากฝ้าย ชุบด้วยสารป้องกันการติดไฟ
  4. เสื้อคลุมตะกั่ว เป็นเสื้อคลุมที่มีชั้นตะกั่วฉาบผิว วัสดุทำจากผ้าใยแก้วฉาบตะกั่ว หรือพลาสติกฉากตะกั่ว ผู้ปฏิบัติงานสวมใส่ขณะทำงาน เพื่อป้องกันการสัมผัสรังสี

 

 ในการปฏิบัติงานที่ต้องใช้ส่วนของมือ นิ้วมือ และแขน ซึ่งอาจเสี่ยงต่ออันตรายจากการถูกวัตถุมีคม บาด ตัด การขูดขีดทาให้ผิวหนังถลอก การจับของร้อน หรือการใช้มือสัมผัสวัสดุอุปกรณ์ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายอื่น ๆ นั้นจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ป้องกัน โดยใช้ถุงมือหรือเครื่องสวมเฉพาะนิ้วชนิดต่าง ๆ ตามความเหมาะสมกับลักษณะของงานดังนี้gloves

  1. ถุงมือใยหิน ใช้สำหรับงานที่ต้องสัมผัสความร้อนเพื่อป้องกันมิให้มือได้รับอันตรายจากความร้อนหรือไหม้
  2. ถุงมือใยโลหะ ใช้สำหรับงานที่เกี่ยวกับการใช้ของมีคม ในการหั่น ตัด หรือสัมผัสวัสดุอุปกรณ์ที่แหลมคม หยาบมาก
  3. ถุงมือยาง ใช้สาหรับงานไฟฟ้า และถุงมือยางที่สวมทับด้วยถุงมือหนังชนิดยาว เพื่อป้องกันการถูกของมีคมบาดหรือทิ่มแทงทะลุ สาหรับใช้ในงานไฟฟ้าแรงสูง
  4. ถุงมือยางชนิดไวนีลหรือนีโอพรีน ใช้สำหรับงานที่ต้องสัมผัสสารเคมีชนิดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนหรือซึมผ่านผิวหนังได้
  5. ถุงมือหนังใช้สำหรับงานที่ต้องสัมผัสวัสดุที่หยาบ งานที่มีการขัดผิว การแกะสลัก หรืองานเชื่อมที่มีความร้อนต่ำ
  6. ถุงมือหนังเสริมใยเหล็ก ใช้สำหรับงานหลอมโลหะหรือถลุงโลหะ
  7. ถุงมือผ้าหรือเส้นใยทอ ใช้สำหรับงานที่ต้องหยิบจับวัสดุอุปกรณ์เบา ๆ เพื่อป้องกันมือจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ
  8. ถุงมือผ้าหรือใยทอเคลือบน้ำยา ใช้สาหรับงานที่ต้องสัมผัสสารเคมีโดยทั่วไป เช่น งานหีบห่อ งานบรรจุกระป๋อง หรืออุตสาหกรรมอาหาร ฯลฯ

นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์ป้องกันมือ นิ้วมือ และแขน สำหรับใช้กับงานที่มีลักษณะเฉพาะด้านอื่น ๆ เช่น หนังหุ้มมือหรือเบาะรองมือใช้พันมือและแขน สำหรับงานที่ต้องสัมผัสความร้อนหรืองานที่มีสะเก็ดของร้อนกระเด็นกระทบมือและแขนได้

 

เช่น งานก่อสร้าง งานทำความสะอาด งานไฟฟ้า จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันการตกจากที่สูง ได้แก่รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ใช้สำหรับป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากการกระแทก หรือวัตถุหรือสารเคมีหกใส่เท้า รวมถึงป้องกันการสัมผัสกับกระแสไฟฟ้าจากการปฎิบัติงาน โดยรองเท้าแบ่งออกตามลักษณะของงาน ดังนี้รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

  1. รองเท้าป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า ใช้สำหรับงานที่ต้องสัมผัสกับกระแสไฟฟ้า สวมใส่เพื่อป้องกันไฟฟ้าดูด ทำจากยางธรรมชาติ หรือยางสังเคราะห์
  2. รองเท้านิรภัย ชนิดหัวรองเท้าเป็นโลหะซึ่งสามารถรองรับน้ำหนักได้ 2500 ปอนด์ และทนแรงกระแทกของวัตถุหนัที่ตกจากที่สูง 1 ฟุต ได้ 50 ปอนด์
  3. รองเท้าป้องกันสารเคมี ทำจากวัสดุที่ทนต่อการกัดกร่อนของสารเคมี เช่น ยางธรรมชาติ ไวนิล นีโอพรีน หรือยางสังเคราะห์

อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งในการปฎิบัติงาน เนื่องจากในขณะปฎิบัติงานอันตรายต่างๆมีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งอาจทำให้ตัวท่านเกิดการบาดเจ็บ พิการ หรือเสียชีวิตได้ ดังนั้นอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรสวมใส่อยู่เสมอเพื่อให้การปฎิบัติงานเป็นไปด้วยความปลอดภัยสูงสุด

สามารถดูสินค้าและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  www.pakoengineering.com

โทร : 09-4690-4630, 02-041-5092
อีเมล : Sales@blog.pako.co.th

facebook : PAKO ENGINEERING

Line : pakoeng

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://goo.gl/yPJzor

https://goo.gl/ZGFEj3

https://goo.gl/kRqSUA

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *