ทำไมต้อง 316 ในโรงงานอาหาร
คงเป็นที่ทราบกันดีในวงการช่างอย่างเราๆ ว่าในการออกแบบระบบน้ำ ระบบท่อ วาล์ว หรือชิ้นส่วนเครื่องจักรต่างๆ ของโรงงานอาหารและเครื่องดื่มนั้น จะต้องใช้ ฟูด เกรด (Food grade) เท่านั้น ท่านๆ ก็คงสงสัยไม่น้อย โดยเฉพาะฝ่ายจัดซื้อที่เพิ่งเริ่มทำงาน (และอดนึกในใจไม่ได้ว่า เอ้ ทำไมโรงงานนี้ เรื่องมากจัง)
ทีนี้ จากประสบการณ์ของ ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง ที่จำหน่ายวาล์ว โฟลมิเตอร์ เครื่องมือวัดต่างๆ ให้อุตสาหกรรมนี้ ก็ต้องอธิบาย กันแบบนี้คะ
เนื่องจากว่า ในไลน์การผลิตอาหาร เครื่องดื่มที่ดีนั้น จะต้องมีมาตรฐาน GMP HACCP ISO และอื่นๆ อีกมากมาย อีกเพียบ ซึ่งทำให้โรงงานต้อง มีการส่งตัวอย่างของอาหารตามช่วงเวลา ที่ทำการผลิต เพื่อให้ห้องแล็บตรวจเชื้อจุลินทรีย์ ที่เป็นอันตรายประมาณ 10 กว่าชนิด ทั้งเชื้อแกรมบวก แกรมลบ (นี้ยังไม่รวมพวกเชื้อไวรัสอีก มากมายที่เกิดใหม่กันเลยทีเดียว) ดังนั้น ทำอย่างไรละ เพื่อให้ผลตรวจไม่พบเชื้อ พวกนี้?
เชื้อพวกนี้ มาได้ยังไงกันนะ? ไม่ต้องสงสัยกันไปนะคะ แอดมินบอกเลยว่าเชื้อพวกนี้ มันอาศัยอยู่ในดิน ในอากาศ ในน้ำมันก็ มาตามอากาศ วัตถุดิบ คนที่สัมผัส แหละจ้าาา
ไลน์อาหารที่ดี เค้าก็ต้องทำความสะอาดสายการผลิต อยู่อย่างต่อเนื่อง (เกือบๆ ทุก 2-4 ชั่วโมง โดยเฉพาะ อาหารพร้อมทาน หรือแช่แข็ง) อาจแบ่งเป็น clean clear ย่อยบ้าง ใหญ่บ้าง เยอะบ้าง อะไรบ้าง ก็ว่ากันไปตามแต่ละโรงงาน ป้องกันไม่ให้เชื้อมันเติบโต แพร่กระจายไปก่อน แต่ทว่า ทุกการทำความสะอาด ก็ต้องคำนึง ความสะอาด 3 ส่วน คือ เชิงกายภาพ เคมี และ เชื้อโรค
ทำความสะอาดกายภาพก็คือเก็บสิ่งสกปรกต่างๆ ขัดคราบ อาหาร เครื่องดื่ม ขจัด ฝุ่น ผง เศษวัตถุดิบ ออกไป นั้นเอง ส่วนทางเคมี ก็ทำการล้างสารปนเปื้อนต่างๆที่อาจเกี่ยวข้อง สุดท้ายก็ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์
มันลำบากก็ตรงการจะฆ่าเชื้อจุลินทรีย์นั้น วิธีการที่ดีที่สุด คือ ใช้น้ำร้อนแช่ให้เชื้อตาย ถูกและดี แต่ใครจะเอาเครื่องจักรทั้งหลายไปแช่น้ำร้อนได้ละ ตรงนี้เองที่สารทำความสะอาด สารฆ่าเชื้อ ต่างๆ ถูกนำมาใช้ เช่น
สารทำความสะอาด
- สารละลายด่าง Alkaline Solutions
- สารละลายอินทรีย์ Organic Solvents
- กรดไนตริก Nitric Acid
สารฆ่าเชื้อ
- ไฮไปคลอไรด์ Hypochlorites และสารประกอบ
- สารประกอบเกลือของเตตราวาเลนท์ แอมโมเนียม Tetravalent ammonium salts
- สารประกอบของไอโอดีน Iodine Compounds
- กรดไนตริก Nitric acid
สารเคมีเหล่านี้ทำให้เกิดการกัดกร่อนที่ผิวของโลหะ เราสามารถแบ่งประเภทการกัดกร่อนได้คือ
- การกัดกร่อนที่ผิวโลหะและการซึมเข้าตามรอยแยก Pitting and Crevice Corrosion
- การโจมตีทำให้เกิดการเปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุล ทำลายโมเลกุล ของเหล็กโดยตรง Stress Corrosion Cracking
- การโจมตีที่ช่องว่างระหว่างโมเลกุล Intergranular Corrosion
[pullquote]Stainless steel provides an attractive, clean finish with low maintenance cost[/pullquote]
ดังนั้นสแตนเลน จึงถูกเลือกใช้ เพื่อให้ทนสถาพการกัดกร่อนของสารทำความสะอาด ที่ทำได้ดีกว่าเหล็กหล่อ หรือโลหะผสมชนิดอื่นๆ นั่นเอง แล้วที่ต้องเป็น 316 ก็เพราะความสามารถในการทนต่อการกัดกร่อนได้ดีกว่า 304 ในบางที่ต้องทำการเติมธาตุต่างๆ เข้าไปเพิ่ม เพื่อเพิ่มความสามารถในการทนสาร ที่อุณหภูมิต่างๆ กันนั้นเอง
ถ้าเหตุผลเรื่องการกัดกร่อนแล้ว ธาตุที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ โลหะผสมไททาเนียม แต่ทว่าราคาแพงมั่กๆ ปล่อยให้เค้าเอาไว้สร้างยานอวกาศกันเหอะ ดังนั้นก็เลยขาดความเหมาะสมไป นี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ สแตนเลส ซึ่งเป็นวัสดุที่ถูกที่สุดที่สามารถใช้งานได้จริง มีความแข็งแรงทนทานเพียงพอ และสามารถนำไปตัด ต่อ ทำเครื่องจักรได้ดี (Machinability สูง) จึงได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายจ้า
อ้างอิง: http://www.bssa.org.uk/topics.php?article=45