ถังบำบัดน้ำเสีย แซทส์ คือ ถังบำบัดน้ำเสีย หรือ ถังส้วมที่มีระบบบำบัดน้ำปฏิกูลให้กลายเป็นน้ำดีก่อนระบายลงสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะ โดยไม่ต้องให้น้ำซึมลงสู่ใต้ดิน อย่างบ่อเกรอะบ่อซึม จึงช่วยแก้ปัญหาอาคารที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ดินซึมน้ำได้ไม่ดี ไม่ให้ส้วมอุดตันหรือบ่อส้วมทะลักเกิดน้ำเน่าส่งกลิ่นเหม็นอันจะทำลายสภาพแวดล้อม
บ่อเกรอะ หรือ ถังเกรอะ และบ่อซึม ( Septic tank )
คือบ่อเปล่าๆ ที่เอามีไว้เพื่อให้มีการตกตะกอนจาก น้ำเสียจากชักโครก ซึ่งจะมีตะกอน ส่วนที่ลอยจะถูกดักไว้โดยท่อตัวที หรือที่กั้นเพื่อให้น้ำเสียที่ตกตะกอนปนออกไปจากบ่อ
ลักษณะการทำงาน
- ใช้วิธีตกตะกอนในธรรมชาติในการบำบัด
- มีจุลชีพในการบำบัด
- ประสิทธิภาพในการบำบัด 30-60%
- น้ำใสปนก้อนละลายไหลไปสู่ถังถัดไป ( ปล่อยให้ไหลไป ) หากไม่ไหลก็ไม่ไป หากตะกอนเต็มก็ไม่ไป
- ต้องสูบตะกอน หรือ สูบส้วมปีละครั้ง
- ไม่ใช้ไฟฟ้า
- ไม่ต้องดูแลอะไรมาก
บ่อซึม
คือบ่อที่ต่อจากบ่อเกรอะ มีไว้เพื่อระบายน้ำสู่ดิน ที่อยู่บริเวณนั้น ซึ่งหากน้ำท่วม มีแรงดันน้ำ หรือ ดินเหนียว ดินแข็ง ทำให้ซึมยาก หรือ ไม่ซึมเลยนั้น น้ำเสียก็มีโอกาสในการ ย้อนกลับไปถังบ่อเกรอะได้
ถังดักไขมัน
ทำหน้าที่ดักไขมันก่อนถังบำบัดอื่นๆ หากน้ำเสียนั้นมีไขมันที่ ” ลอย” อยู่บนผิวน้ำ
ถังแซท แบบไม่ใช้อากาศ หรือ ถังบำบัดแบบไร้อากาศ (Anaerobic tank )
คือ Concept ถังเหมือน Septic tank คือมีการตกตะกอนก้อนในช่องแรก และได้เพิ่มช่อง และพื้นที่สัมผัสในส่วนเกรอะให้จุลชีพมีที่อยู่มากขึ้นคือให้จุลชีพเกาะตัวได้ดี เกิดการบำบัดได้ดีกว่าถังเปล่า
- ใช้วิธีตกตะกอนในธรรมชาติในการบำบัด
- มีจุลชีพในการบำบัดใช้ได้
- ประสิทธิภาพในการบำบัด 60 – 80 %
- มีการดักตะกอนก้อนลอย ทำให้แยกชั้นน้ำเสียได้ดีกว่าบ่อเกรอะ
- ต้องสูบตะกอน 3 – 5 ปีครั้ง หรือ ไม่ต้องเลย
- ไม่ใช้ไฟฟ้า
- ไม่ต้องดูแลอะไรมาก
- อัตราการไหลของน้ำ ( ปริมาณน้ำเสีย ) ตั้งแต่ 600 ลิตร ถีง 4000 ลิตร / วัน
ดังนั้นหาก BOD เข้าไม่เกิน 100 mg/l หล่ะก็ BOD ออกจะต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน( < 20 mg/l )
จึงเหมาะกับน้ำเสียที่มีน้ำเสียไม่สกปรกมากๆ BOD < 100
- บ้าน
- อพาร์มเมนต์
- โรงแรม
- รีสอร์ท
- ร้านค้า
- อาคารพาณิชย์ เป็นต้น
ถัง แซท แบบใช้อากาศ หรือ ถังบำบัดแบบใช้อากาศ ( Sewage treatment plant : STP)
-
- ใช้วิธีตกตะกอนในธรรมชาติในการบำบัด
- มีจุลชีพในการบำบัดแบบดีเยี่ยม ( มีทั้งแบบไร้อากาศ ใช้อากาศ )
- ประสิทธิภาพในการบำบัด 90-95 %
- มีการดักตะกอนก้อนลอย ทำให้แยกชั้นน้ำเสียได้ดีกว่าบ่อเกรอะ
- ไม่ต้องสูบตะกอน ไม่ต้องเลย
- ใช้ไฟฟ้า ( เสียตังค์ )
- แพงกว่าแบบอื่น
- อัตราการไหล ( ปริมาณน้ำเสีย ) 1000 – 100,000 ลิตร / วัน
ถังบำบัดแบบใช้อากาศ จึงเหมาะกับน้ำเสียที่มีน้ำเสียที่สกปรกกลางๆ ไปจนถึงมาก
- โครงการ ที่ต้อง approve EIA
- โรงงานอุตสาหกรรมอาหาร
- โรงแรมขนาดกลาง ถีง ใหญ่
- อพารต์เมนต์ขนาดกลาง ถึง ใหญ่
- บ้านจัดสรร
- ที่ล้างรถ
- ร้านอาหาร
- ร้านซักผ้า
- โรงพยาบาล
- ตลาดสด เป็นต้น
โดยทั่วไปผู้ผลิตถังบำบัดน้ำเสียสำเร็จรูป มักจะระบุขนาดที่เหมาะสมไว้ในรายละเอียดผลิตภัณฑ์ หรือหากต้องการคำนวณเองสามารถทำได้ โดยนำ “จำนวนผู้อาศัย” คูณกับ “ปริมาณน้ำเสีย” (คิดเป็น ร้อยละ 80 ของปริมาณน้ำใช้ต่อวัน) จากนั้นคูณเข้ากับ “เวลาที่ใช้ในการบำบัด” (ประมาณ 1.5 วัน) ได้ตามสูตรดังนี้
ขนาดถังบำบัดน้ำเสีย (ลิตร) = จำนวนผู้อยู่อาศัย x 0.8 x ปริมาณน้ำใช้ต่อคนต่อวัน (ลิตร) x1.5
ยกตัวอย่างเช่น ในเขตนครหลวง ใช้น้ำเฉลี่ยต่อคน วันละ 200 ลิตร ถ้ามีคนอาศัยในบ้าน 5 คน ควรเลือกถังบำบัดน้ำเสีย ขนาด (5×0.8x200x1.5) = 1,200 ลิตร เป็นต้น
สามารถดูสินค้าและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.pakoengineering.com
โทร : 09-4690-4630, 02-041-5092
อีเมล : Sales@blog.pako.co.th
facebook : PAKO ENGINEERING
Line : pakoeng
ขอบคุณข้อมูลจาก