สาระน่ารู้อีกครั้งเกี่ยวกับเรื่องวาล์วครับผม และสำหรับวันนี้นั้นก็คือ พินซ์วาล์ว ซึ่งหัวใจหลักของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มนั้นก็คือ การส่งมอบอาหารและเครื่องดื่มให้ถึงมือผู้บริโภค ด้วยความสะอาด ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคทั้งหมด

สำหรับในส่วนของกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มสมัยใหม่ที่มีการประยุกต์ใช้กระบวนการผลิตอาหารแบบอัตโนมัติ (Automated Food) ที่จำเป็นต้องใช้ Handling Equipment ซึ่ง “พินช์วาล์ว” (Pinch Valves) ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างหนึ่งครับ ของะบบการผลิตในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย แต่ว่าในการใช้งาน “พินช์วาล์ว” อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น มีปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการ หรือเจ้าของกิจการต้องพิจารณา ดังนี้ครับบบ

  1. ปลอดการปนเปื้อน (Non – Contamination)
  2. ป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียอันไม่พึงประสงค์ (Prevention of Undesired Bacteria)
  3. ติดตั้ง บำรุงรักษาและเปลี่ยนชิ้นส่วนได้ง่าย (Easy Installation, Maintenance and Replacement)

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการใช้งานพินช์วาล์วของอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม

การปนเปื้อนของสารพิษ เป็นปัจจัยที่ต้องได้รับพิจารณาถึงอย่างที่สุดครับ เนื่องจากอาจมีผลต่อสุขภาพของผู้บริโภคและอาจทำลายภาพลักษณ์ของสินค้า หากเกิดการปนเปื้อนในระบบการลำเลียง ท่อ ปั๊มหรือวาล์ว รวมถึงสารหล่อลื่นในระบบ ซึ่งอาหารอาจจะต้องสัมผัสโดยตรง จะเห็นได้ว่าในวงการอาหารและเครื่องดื่มส่วนใหญ่จะติดฉลากไว้บนบรรจุภัณฑ์ว่า “ปลอดสารไนเตรท” เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับสารปนเปื้อน หรือแม้แต่การใช้ Bleach เพี่อทำความสะอาดระบบท่อเพื่อกำจัดกับ Salmonella ที่เป็นปัญหากับเนื้อสดและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในกระบวนการผลิตครับ

การเจริญเติบโตและการแพร่ขยายของเชื้อแบคทีเรีย เช่น E.Colli หรือ Salmonella ถือเป็นปัญหาอย่างมากในระบบการผลิตและแปรรูปอาหาร ซึ่งโอกาสที่เครื่องไม้เครื่องมือจะเป็นต้นเหตุในการเพาะเชื้อและสัมผัสอาหารโดยตรงนั้นก็มีเช่นกัน ดังนั้นปัจจุบันอุปกรณ์สำหรับ Automated เหล่านั้น มักถูกบรรจุมาในถุงที่ผ่านการสเตอริไลซ์เพื่อลดสารปนเปื้อน และการใช้งานจะมีการใช้วัสดุที่ 3 เช่น ท่อส่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ทำให้วาล์วไม่ต้องสัมผัสกับอาหารโดยตรง

การบำรุงรักษาถือเป็นเรื่องจำเป็นและต้องดำเนินการตามระยะเวลาที่กำหนดเป็นมาตรฐาน ซึ่งอุปกรณ์อย่าง “พินช์วาล์ว” ไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับอาหารโดยตรง สามารถดำเนินการผ่านท่อหรือแผ่นกรอง การซ่อมบำรุงจึงสามารถทำได้ง่ายและสม่ำเสมอ โดยไม่จำเป็นต้องปิดระบบการทำงานทั้งหมดครับบ ทำให้ประหยัดเวลาและทรัพยากรเมื่อเทียบกับระบบการผลิตแบบเดิม

ข้อจำกัดของ “พินช์วาล์ว”

“พินช์วาล์ว” มีการใช้งานที่เฉพาะเจาะจง ตัวโซลินอยด์นั้นเป็นระบบไฟฟ้า และวาล์วเป็นแบบ Pneumatic ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้รองรับกับแรงดันอากาศแบบแปรผันครับ โดยการส่งต่อวัตถุดิบนั้นจะเป็นการส่งต่อหรือผ่านตัวกรอง แต่จะไม่ให้สัมผัสโดยตรงกับผลิตภัณฑ์ปลายทาง แรงดันทั่วไปอยู่ที่ 20 – 30 psi สำหรับขนาด 65 – A และสามารถใช้ได้ถึง 80 psi สำหรับขนาด 75 – A ต้องหมั่นสังเกตการทำงานควบคู่กัน ระหว่างแรงดันวาล์วและขนาดท่อ เพื่อสังเกตดูผลการเปลี่ยนแปลงก่อนที่จะนำมาปรับปรุงการใช้งานให้เหมาะสมรวมถึงการซ่อมบำรุงรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงทีครับบ

 

นอกจากนี้ ยังมีกระบวนการผลิตและแปรรูปอาหารอีกมากมายที่เครื่องมือนั้นสัมผัสกับวัตถุดิบหรืออาหารโดยตรง ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงทั้งทางด้านการปนเปื้อนและเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี “พินช์วาล์ว” จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการใช้งานในกระบวนการผลิตและแปรรูปอาหาร ซึ่งมุ่งเน้นความปลอดภัย โดยปัจจุบันนิยมใช้ในงานการผลิตทางด้านเภสัชกรรม ซึ่งการใช้ “พินช์วาล์ว” ในการผลิต ถือเป็นส่วนประกอบที่ดีสำหรับมาตรฐานการผลิตและแปรรูปอาหารในอนาคต

จบไปแล้วกับอีกสาระน่ารู้ ข้อแนะนำจากทางปาโก้เอ็นจิเนียริ่งเกี่ยวกับพินซ์วาล์วกับอุตสาหกรรมอาหาร หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆและผู้อ่านทุกๆคนนะครับผมมม 😀

สามารถดูสินค้าและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

www.pakoengineering.com

PAKO ENGINEERING

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://bit.ly/2PmSxNm

https://bit.ly/2ooDi7J

https://bit.ly/2AsyRiK

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *